การ์ดจอ มีเชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างเยอะ ยกตัวอย่างเช่น Video Card, Display Card, Graphic Adapter, Graphics Card, Video Card, Video Board, Video Display Board, Display Adapter, Video Adapter, etc. แต่ในที่นี้เราจะขอใช้คำว่า Graphics Card (กราฟฟิคการ์ด) ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่จะเรียกใช้งานแบบไหน แต่โดยส่วนมากแล้วจะเข้าในกันว่าเป็นฮาร์ดแวร์ที่เอาไว้ใช้ประมวลผลทางด้าน Graphic เพื่อที่จะแสดงผลออกทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เราได้เห็น หากจะต้องแบ่งการ์ดจอออกเป็นแต่ละประเภท ก็คงแบ่งได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราจะยกตัวอย่างการแบ่งการ์ดจอได้ดังนี้
- แบ่งตามลักษณะของฮาร์ดแวร์
- แบ่งตามบริษัทผู้ผลิต
- แบ่งตามลักษณะของการใช้งาน
ประเภทของการ์ดจอตามลักษณะของฮาร์ดแวร์
เราสามารถแบ่งการ์ดจอให้อยู่ในรูปแบบลัษณะของฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานได้ 2 ประเภทดังนี้
- การ์ดจอออนบอร์ด (On-Board) – คือการ์ดจอที่ถูกติดตั้งมาบนแผงวงจร Mainboard (เมนบอร์ด) โดยจะเป็นแผงวงจรเดียวกับ Mainboard ไม่สามารถถอดออกได้ และไม่สามารถอัพเกรดได้
- การ์ดจอแยก (Out-Board) – คือการ์ดจอลักษณะเป็นการแยกจาก Mainboard (เมนบอร์ด) โดยชัดเจน เป็นคนละชิ้่นส่วนกัน แต่การ์ดจอจะเสียบอยู่บนเมนบอร์ดในลักษณะการเชื่อมต่อภายนอก สามารถถอดเข้าถอดออกได้ และสามารถที่จะอัพเกรดเอาตัวใหม่มาใส่ได้ (การอัพเกรดการ์ดจอ ขึ้นอยู่กับการรองรับของเมนบอร์ดรุ่นนั้นๆ และแหล่งไฟเลี้ยงระบบ (Power Supply) ด้วย ผู้ใช้งานควรพิจารณาให้ถี่ถ้วน)
ในลักษณะของการประมวลผลทั้ง 2 แบบด้านบนนี้ ส่วนที่แตกต่างกันเราสามารถสรุปได้ดังนี้
- การ์ดจอออนบอร์ดจะใช้งานการประมวลผลกราฟฟิคจาก CPU หน่วยประมวลผลหลักของคอมพิวเตอร์ แต่สำหรับการ์ดจอแยกจากเมนบอร์ดนั้นจะใช้งาน Graphics Processing Unit (GPU) แยกจาก CPU อย่างชัดเจน ทำให้เรื่องประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟฟิคนั้น การ์ดจอแยกจะดีกว่ามากๆ เพราะไม่รบกวนการทำงานของระบบ CPU ซึ่งจะต้องประมวลผลทุกๆส่วนของระบบคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว (แต่หากการใช้งานทั่วๆไปก็คงไม่เห็นผลมากนัก นอกจากการที่จะต้องประมวลผลภาพกราฟฟิคสูงๆ เช่น การเล่นเกมส์ เป็นต้น)
- การ์ดจอแบบแยกจะต้องซื้อมาใส่เพิ่มกับเมนบอร์ด หากว่าเมนบอร์ดมีการ์ดจอแบบออนบอร์ดอยู่แล้ว ให้เสียบสายหน้าจอที่การ์ดจอที่เราทำการซื้อมาใส่ หากเสียบสายที่เมนบอร์ด เท่ากับว่าเราใช้งานการ์ดจอแบบออนบอร์ด เพราะฉะนั้น โปรดระวังในเรื่องของการเสียบสายหน้าจอด้วย (ปัจจุบันเมนบอร์ดบางรุ่นไม่มีการ์ดจอแบบออนบอร์ดมาให้ จะต้องซื้อการ์ดจอแยกมาใส่เพิ่มเอง)
- การทำงานของ GPU ย่อมเร็วกว่า CPU (ทางด้านการประมวลผลกราฟฟิคเท่านั้น) เพราะว่า GPU จะเน้นจำนวน Core ที่เยอะกว่า CPU แต่หมายถึง 1 Core ของ GPU จะมีได้ประมวลผลเร็วเทียบเท่ากับ 1 Core ของ CPU เนื่องจากการประมวลผลกราฟฟิคของการ์ดจอจะเน้นการทำงานหลายๆ Core พร้อมๆกัน (Multi-Core Processing) ซะมากกว่า
ประเภทของการ์ดจอตามผู้ผลิต
ในปัจจุบัน บริษัทที่ผลิตการ์ดจอออกมาจำหน่ายมีอยู่ด้วยกัน 2 บริษัทใหญ่ๆ ซึ่งเราจะได้เห็นกันในตลาดการ์ดจอทั่วไป ในส่วนนี้เราจะพูดถึงการ์ดจอแบบแยกเท่านั้น เพราะสามารถซื้อขายและนำมาเปลี่ยนบนเมนบอร์ดได้เลย
- Nvidia – สัญญลักษณ์รูปตาสีเขียว มีประสิทธิภาพสูง และราคาค่อนค้างจะสูงหากเทียบกับ ATI หากเทียบที่ประสิทธิภาพเท่าๆกัน
- ATI – สัญญลักษณ์เป็นสีแดงคล้ายไฟ มีประสิทธิภาพพอสมควร หากจะมองทางด้านเทคโนโลยีอาจจะยังไม่สามาระเทียบเท่ากับ Nvidia ได้ แต่ราคาจะถูกกว่า หากเทียบที่ประสิทธิภาพเท่าๆกัน
ประเภทการ์ดจอตามลักษณะของการใช้งาน
เราสามารถแบ่งการ์ดจอตามลักษณะของการใช้งานได้ทั้งหมด 4 ประเภทดังต่อไปนี้
- การใช้งานแสดงผลทั่วไป – ไม่เน้นกราฟฟิคเลย ส่วนมากจะใช้งานเป็นการ์ดจอแบบ On-Board หรือการ์ดจอที่ติดมากับ Mainboard อยู่แล้ว ไม่มีการเสียบการ์ดจอเพิ่ม
- การใช้งานแสดงผลกราฟฟิคเล็กน้อย – ส่วนมากจะเน้นทางด้านดูหนัง เน้นความบันเทิง แต่ไม่รวมการเล่นเกมส์แบบ 3D หรือ Animation บนกราฟฟิคสูงๆ จะใช้งานการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพการแสดงผลต่ำและราคาถูก แต่รองรับการแสดงผลระดับ HD ขึ้นไป
- การเล่นเกมส์และการแสดงผล 3D – เน้นการเล่นเกมส์บนภาพที่สมจริงเป็นหลัก ส่วนมากจะใช้งานการ์ดจอที่รองรับการแสดงผลแบบ 3 มิติ หรือการ์ดจอที่มีการแสดงผลที่สูงมากๆ ราคาของการ์ดจอชนิดนี้อาจจะโดดสูงอยู่บ้าง หากอยากได้ตัวที่สามารถเล่นเกมส์ได้แบบไม่กระตุก หรืออาจจะเป็นลักษณะของการต่อพ่วงการ์ดจอหลายๆตัว (เทคโนโลยีการใช้งานการ์ดจอตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป มาช่วยกันทำงาน ซึ่งจะพูดถึงในบทความต่อๆไป)
- การใช้งานด้าน Graphic Workstation – เน้นทางด้านการทำงานด้านการออกแบบ การใช้งานโปรแกรมออกแบบสร้างผลงานทางด้านกราฟฟิค ซึ่งจะต้องใช้การประมวลผลของระบบ Graphics Processing Unit (GPU) อยู่ตลอดเวลาและแบบ Real-Time เพื่อให้งานเดินไปอย่างราบรื่น การ์ดจอที่ใช้งานจะต้องมีประสิทธิภาพสูงมากๆ และมีการต่อพ่วงการ์ดจอหลายๆตัว หรือต่อพ่วง GPU เพิ่มเติมเพื่อใช้ในการประมวลผลภาพที่สมบูรณ์สมจริงและรวดเร็ว ปัจจุบันการ์ดจอชนิดนี้ได้แก่ NVIDIA QUADRO และ AMD FirePro ซึ่งราคาจะสูงมากๆ ไม่เหมาะกับการนำมาเล่นเกมส์ซักเท่าไร เพราะว่าคอเกมส์ทั้งหลาย แค่ใช้การ์ดจอสำหรับเล่นเกมส์ก็เหลือๆแล้ว
การดูความเร็วของการ์ดจอด้วย GPU-Z
ในที่นี้เราจะพูดถึงเรื่องของการ์ดจอแบบแยกเท่านั้น เนื่องจากการ์ดจอแบบแยกจะมีหน่วยประมวลผลกราฟฟิคที่มีชื่อว่า GPU ซั่งมันก็คล้ายๆกับ CPU ก็คือจะมีในเรื่องของความเร็ว อัตราการรับส่งข้อมูล หน่วยความจำ เทคโนโลยีการผลิต และอื่นๆ เพื่อที่จะเลือกการ์ดจอได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงได้มีตัวช่วยในการเลือกดูความเร็วของการ์ดจอกันด้วยโปรแกรม GPU-Z (https://downloaddd.in.th/251/download-gpu-z) โปรแกรมนี้คล้ายๆกับ CPU-Z แลพเป็นผู้พัฒนาเดียวกัน แต่สำหรับโปรแกรม GPU-Z นั้นใช้งานทางด้านการแสดงผลข้อมูล GPU หน่วยประมวลผลกราฟฟิคโดยเฉพาะ เราจะขอยกตัวอย่างการ์ดจอสำหรับเล่นเกมส์ของฝั่ง ATI อย่างรุ่น ATI AMD Radeon HD 7800 Series มาฝากกัน
สิ่งที่ผู้ใช้งานดูเป็นส่วนมากจะได้แก่ข้อมูลดังต่อไปนี้ (วิธีการดู GPU-Z)
- Name – ใช้ดูชื่อของการ์ดจอ นอกจากนั้นยังบอกถึงบริษัทผู้ผลิตอีกด้วย
- GPU – ใช้ดูชื่อของ GPU ที่ใช้ในการประมวลผล
- Technology – ใช้ดูเทคโนโลยีที่ใช้ผลิต ซึ่งจะบอกเป็นขนาดของ GPU
- Memory Type – ใช้สำหรับดูว่า Memory (หน่วยความจำ) ของ GPU เป็นแบบใด ซึ่งในปัจจุบันก็คงจะได้เห็น GRRD5 กันแล้ว
- Memory Size – ใช้สำหรับดูขนาดของ Memory ที่มีให้
- DirectX Support – ใช้ดูว่าการ์ดจอที่ใช้งานอยู่ รองรับ DirectX เวอร์ชั่นอะไร (เวอร์ชั่นที่สูงที่สุด)
- Bus Width – ใช้สำหรับดูขนาดช่องทางในการรับส่งข้อมูล ยิ่งเยอะยิ่งเร็ว
- Bandwidth – ใช้สำหรับดูความเร็วในการรับส่งข้อมูล ยิ่งเยอะยิ่งเร็ว ค่านี้สัมพันธ์กับ Bus Width
- GPU Clock – ความเร็วของ GPU ซึ่งจะมีหน่วยความเร็วเหมือนๆกับ CPU ที่เป็นแบบ Ghz จากรูปก็คือ 0.86Mhz นอกจากนั้นช่องต่อมา เราสามารถที่จะดูความเร็ว Bus ของ Memory ได้อีกด้วย
- Default Clock – แสดงผลความเร็วตั้งต้นที่ผลิตมาจากโรงงาน จากรูปจะเห็นว่าเท่ากับ GPU Clock เลย เพราะว่าไม่ได้ทำการ Overclock GPU มันจึงมีค่าเท่ากัน
- ATI CossFire – เทคโนโลยีการใช้งานการ์ดจอหลายๆตัวร่วมกันประมวลผลกราฟฟิค ซึ่งจากรูปก็จะเป็นแบบ Disabled ก็คือไม่ได้เปิดใช้งาน หรือใช้งานการ์ดจอเพียงตัวเดียวเท่านั้น